บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดีว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัท

ให้มีประสิทธิภาพและมีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่พนักงาน ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงได้เห็นควรให้มีการจัดทำนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีขึ้น โดยครอบคลุมเนื้อหาหลักการสำคัญตั้งแต่โครงสร้าง บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ จนถึงหลักการในการบริหารงานของผู้บริหารอย่างโปร่งใส ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารองค์กรทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานใดๆ ของบริษัท เป็นไปด้วยความเป็นธรรม และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย นอกจากนี้การจัดการที่เหมาะสมต่อความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้บริษัทฯ มีความยั่งยืนมากขึ้นได้

บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับกิจการที่ดีและยึดหลักจริยธรรม ควบคู่ไปกับการดำเนินงานภายใต้นโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนและนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ดีตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้พิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กรตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงานลูกค้า ชุมชน ตลอดจนสังคมวงกว้าง มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีส่วนได้เสียรอบพื้นที่การดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในสังคมทุกภาคส่วน ทั้งด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างสรรค์สาธารณประโยชน์แก่สังคมโดยรวม ทางคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้

หน้าที่และความรับผิดชอบ

กำหนดนโยบายและทิศทางความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ
ให้การสนับสนุนในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเข้าร่วมประชุมให้แนวทางในการดำเนินงานและติดตามงานเป็นระยะตามกรอบเวลาที่กำหนด
พิจารณาประเมินผลการดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้คำแนะนำเพื่อพัฒนา และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
พิจารณานโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท และกำกับดูแลบริษัทให้ปฏิบัติงานภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการ สนับสนุนการจัดทำนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชันและแนวทางปฏิบัติตามนโยบาย และให้คำแนะนำในการจัดทำนโยบาย จรรยาบรรณ และคู่มือที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการกำกับดูแลกิจการ ตลอดจนการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลกิจการตามนโยบายต่าง ๆ พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งคณะทำงานโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านคอร์รัปชัน หรือ RBF-CAC Working team เพื่อเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนงานของคณะกรรมการบริษัทในด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน
ให้ความเห็นชอบรายงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณชน

การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน

บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและยึดมั่นในหลักจริยธรรม ในปี 2567 บริษัทได้รับการรับรอง การเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย ภายใต้โครงการ Thai Private Sector Collective Action Against Corruption (CAC) ระดับ 2 ดาว และมีการทบทวนนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญในการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ซึ่งครอบคลุมถึงการกำหนดกระบวนการการปฏิบัติงานที่ชัดเจน การติตตามและทบทวนมาตรการการร้องเรียน การจัดช่องทางการแจ้งเบาะแส ตลอดจนมาตรการการคุ้มครองและปกป้อง ผู้ที่แจ้งข้อมูลหรือเบาะแสการกระทำผิดหรือทุจริต

ดูเพิ่มเติม

ผลการดำเนินการงาน

การดำเนินงาน
ควบคุมการดำเนินงานขององค์กรภายใต้แนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี
เป้าหมาย
ไม่พบการร้องเรียนหรือกรณีละเมิดจรรยาบรรณทางธุรกิจ
ผลการดำเนินงานหน่วย: กรณี
ปี 2565
0
ปี 2566
0
ปี 2567
0
การดำเนินงาน
ควบคุมการดำเนินงานขององค์กรภายใต้แนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี
เป้าหมาย
ไม่พบข้อร้องเรียนหรือกรณีเกี่ยวกับการทุจริต
ผลการดำเนินงานหน่วย: กรณี
ปี 2565
0
ปี 2566
0
ปี 2567
0

การบริหารความเสี่ยงและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่

คณะกรรมการบริษัทและฝ่ายบริหารให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในฐานะส่วนหนึ่งของการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยได้กำหนดนโยบายที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่การระบุ ประเมิน ควบคุม และติดตามความเสี่ยง รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและในอนาคต บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดโอกาสและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยพิจารณาความเสี่ยงและโอกาสที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ใน 5 ด้าน ได้แก่

  1. ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ (strategic risk)
  2. ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (operation risk)
  3. ความเสี่ยงด้านการเงิน (financial risk)
  4. ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย (compliance risk)
  5. ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG risk)
นโยบายบริหารความเสี่ยง

การบริหารจัดการภาวะวิกฤต

บริษัทฯ มีกระบวนการบริหารจัดการเหตุการณ์ความไม่แน่นอน (Uncertainty event) ที่อาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การกำหนดมาตรการหรือแนวทางการควบคุมความเสี่ยง และการติดตามผลเพื่อลดโอกาสของความเสี่ยงหรือลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้ กระบวนการนี้ยังครอบคลุมการบริหารจัดการภาวะวิกฤตและภาวะฉุกเฉิน รวมถึงการสร้างความมั่นคงในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มุ่งมั่นในการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานในทุกระดับ รวมถึงการกำหนดแนวทางและแผนการบริหารจัดการที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ในภาวะวิกฤต ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าองค์กรจะสามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ และฟื้นฟูการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้เร็วที่สุด

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดทำแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan หรือ BCP) เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแผนดังกล่าวมีการทบทวนและซ้อมแผนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่สะดุด

ความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะปกป้องข้อมูลและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ รวมถึงการรั่วไหลของข้อมูล โดยมีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัย บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศรับผิดชอบในการกำกับดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยดำเนินการตามนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการจัดทำแผนการจัดการที่ครอบคลุม เช่น แผนกู้คืนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกรณีฉุกเฉิน แผนบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และคู่มือความปลอดภัยในการใช้ระบบสารสนเทศ มีกระบวนการและวิธีปฏิบัติที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเครือข่าย อุปกรณ์ โปรแกรมและข้อมูลจากการถูกโจมตี ถูกจารกรรม ถูกทำลาย หรือถูกเข้าถึงจากบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ

และเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act : PDPA) ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดทำโครงการ PDPA โดยการว่าจ้างที่ปรึกษาผู้มีประสบการณ์ เพื่อบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งพนักงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และคู่ค้าทางธุรกิจ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของ พ.ร.บ.ดังกล่าว พร้อมทั้งจัดตั้งคณะทำงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ผลการดำเนินการงาน

หัวข้อ
สร้างความตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ทุกคนในบริษัทฯ ด้วยการจัดอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานทุกคน
เป้าหมาย
จัดอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงาน ร้อยละ 100
ผลการดำเนินงานหน่วย: ร้อยละ
ปี 2565
100
ปี 2566
100
ปี 2567
100
หัวข้อ
สร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีและไม่ให้มีกรณีการรั่วไหลของข้อมูล และมีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมาย
ประเด็นความเสี่ยงระดับรุนแรงจากการตรวจสอบระบบภายใน Internal Audit จากหน่วยงานตรวจสอบภายนอก 0 ประเด็น
ผลการดำเนินงานหน่วย: กรณี
ปี 2565
0
ปี 2566
0
ปี 2567
0
หัวข้อ
การควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตาม พ.ร.บ. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act : PDPA)
เป้าหมาย
จำนวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล 0 ข้อ
ผลการดำเนินงานหน่วย: กรณี
ปี 2565
0
ปี 2566
0
ปี 2567
0

การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน

บริษัทฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนานโยบายการจัดซื้อ จรรยาบรรณคู่ธุรกิจ รวมถึงนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและธรรมาภิบาล ตลอดจนกระบวนการคัดเลือกคู่ค้าโดยพิจารณาจากคุณภาพ ราคา ความรวดเร็ว และความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการ สนับสนุนให้คู่ค้าดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และการปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเป็นธรรม รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องสอดคล้องกับข้อกำหนด กฎหมาย ระเบียบ และมาตรฐานสากล เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

กระบวนการในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
ขั้นตอนที่ 1 แสดงความมุ่งมั่น
ขั้นตอนที่ 2 ประเมินขอบเขต
ขั้นตอนที่ 3 กำหนดกลุ่มคู่ค้า
ขั้นตอนที่ 4 ลงมือปฏิบัติ
ขั้นตอนที่ 5 วัดผลและติดตามผล
ขั้นตอนที่ 6 เปิดเผยข้อมูล
หลักปฏิบัติอย่างยั่งยืนสำหรับคู่ค้าธุรกิจ
ผลการดำเนินงาน
รายละเอียด เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน
2565 2566 2567
สื่อสารหลักปฏิบัติอย่างยั่งยืนสำหรับคู่ค้าธุรกิจไปยังคู่ค้าของบริษัทฯ ร้อยละ 100 100 100 100
คู่ค้ารับรู้และยินยอมปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ อย่างยั่งยืนสำหรับคู่ค้าของบริษัทฯ ร้อยละ 100 95 96 100
คู่ค้าสำคัญโดยตรงของบริษัทที่อยู่ในประเทศไทย จะต้องได้รับการเข้าตรวจประเมินด้านความยั่งยืน ร้อยละ 100 N/A N/A 100

การบริหารแบรนด์และตราสินค้า

บริษัทฯ ตระหนักดีว่า ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในแบรนด์และตราสินค้ามีความสำคัญต่อผู้บริโภคและลูกค้าต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จึงมีแนวทางการบริหารแบรนด์และตราสินค้าบนพื้นฐานการพัฒนาสู่ความยั่งยืน สร้างการมีส่วนร่วมและตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทไทยที่มีคุณภาพและความปลอดภัยเทียบเท่ามาตรฐานสากล ในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคหรือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งนี้ จุดแข็งของบริษัทฯ ที่แตกต่างจากตราสินค้าต่างประเทศ คือความยืดหยุ่นต่อการผลิตตามความต้องการขั้นต่ำ (Minimum Order Quantity: MOQ) รวมถึงมีธุรกิจในบริษัทฯ ย่อยที่ครอบคลุมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงสามารถบริหารจัดการทั้งในเรื่องวัตถุดิบ และระยะเวลาในการขนส่งผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยข้อได้เปรียบดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จึงสามารถส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ แก่ลูกค้าได้ เช่น กลุ่มสินค้าไซรัป กลุ่มสินค้าผงชงดื่ม กลุ่มสินค้าผงปรุงรส กลุ่มสินค้าซอสปรุงรส และอื่น ๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสินค้า OEM สู่ตลาดร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) และช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าและผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ

ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพ

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการให้บริการด้วยการผลิตสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน โดยยึดถือความซื่อสัตย์ เป็นธรรม เอาใจใส่รับผิดชอบ และให้บริการด้วยคุณภาพบนพื้นฐานของจรรยาบรรณวิชาชีพ ข้อกำหนดมาตรฐานสากล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกในการรับบริการ และความมั่นใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน และสร้างความเชื่อมั่นในการใช้สินค้าและบริการจากบริษัทฯ จึงมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

การสร้างความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้าและบริการของบริษัทฯ

  • บริษัทฯ นำเสนอสินค้าที่ดีมีคุณภาพ โดยผลิตภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยอาหารระดับสากล
  • บริษัทฯ พัฒนาสินค้านวัตกรรมที่มุ่งเน้นประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
  • ส่งมอบสินค้าที่ดีมีคุณภาพและทันตามกำหนดเวลา
  • จัดหาระบบและอุปกรณ์ความปลอดภัยตามข้อกำหนดและกฎหมาย สำหรับพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบให้เป็นไปตามหลักอาชีวอนามัยที่ดี เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน และส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม รวมถึงชื่อเสียงของลูกค้า
  • บริษัทฯ ให้บริการด้วยราคาที่สมเหตุสมผล การเรียกรับชำระค่าบริการตามความถูกต้องและเป็นจริง
  • บริษัทฯ ยึดถือความเอาใจใส่และความรับผิดชอบต่อลูกค้าทั้งในด้านคุณภาพของการบริการความปลอดภัยอาหารในการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย
  • บริษัทฯ มุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้กับลูกค้าให้ได้รับการบริการที่ดี มีคุณภาพ ภายใต้ระบบควบคุมความปลอดภัยอาหารระดับสากล รวมทั้งยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น โดยบริษัทฯ มีการสำรวจความพึงพอใจ ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการรับทราบปัญหาและข้อร้องเรียนจากลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ